วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เคล็ดลับง่ายๆ ป้องกันความจำเสื่อม

บางทีเราอาจจะได้ยินกันมาว่า คนเราเมื่อมีอายุมากขึ้นก็จะมีโรคหลงๆ ลืม ความจำเสื่อมบ้าง แต่อายุเท่าไรล่ะถึงจะเรียกว่ามีอายุมากจนหลงๆ ลืม บางคนแค่ 50 กลับขี้หลงขี้ลืม แต่บางคน 70 แล้วยังดูแข็งแรง ความจำดี ทั้งนี้ก็เกิดจากการดูแลตนเอง บำรุงสมอง แต่ในบทความนี้เราจะมาบอกถึงเคล็ดลับที่ป้องกันโรคความจำเสื่อมกันแบบง่ายๆ นะครับ

- อ่านหนังสือทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ นิยาย นิตยสาร เพราะการอ่านจะเป็นการฝึกสมาธิ ช่วยจินตนาการตามเรื่องที่อ่าน ทำให้เราจำได้ง่ายกว่าได้ยิน
- เขียนหนังสือทุกวัน เริ่มโดยการเขียนบันทึกสั้นๆ เขียนจดหมายถึงเพื่อนๆ และจดรายการสิ่งของที่ต้องซื้อ เพราะการนึกว่าจะเขียนอะไรดี ทำให้เรารู้จักการจัดระบบความคิด และเรียกความทรงจำให้ทำงาน
- หางานอดิเรกที่ท้าทายทำ เช่นการสะสมแสตมป์ ปลูกต้นไม้ ทำอาหาร เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะช่วยในการฝึกสมาธิ มีใจจดจ่อ และใส่ใจในงานที่ทำ ความจำก็จะไม่เสื่อม
- ติดต่อสมาคมกับคนอื่นๆ บ้าง ไม่ว่าจะพูดคุยกับญาติพี่น้อง พบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ไปเข้าวัดทำบุญ วิธีนี้จะทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้ตัดขาดกับโลกภายนอก และยังจะได้พบเจอเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ทำให้มีความสนุกสนาน กระฉับกระเฉง รู้สึกดีกว่าการอยู่คนเดียวเป็นไหนๆ.


อาหารเพื่อฟันสวย

ฟันนั้นมีหน้าที่ๆช่วยบดเคี้ยวอาหาร จึงเป็นอวัยวะที่สำคัญต่อคนเรามาก ดังนั้นเราก็ต้องดูแลมันให้ดีนะครับ และนอกจากการแปรงฟันทุกวัน ไม่กินของหวาน แต่อาหารเหล่านี้คืออีกวิธีที่จะช่วยให้ฟันแข็งแรง
- แอปเปิ้ล มีรสหวาน เนื้อกรอบ เรียกน้ำลายได้ดี น้ำลายจะชะล้างเศษอาหารและปรับสภาพความเป็นกรด ด่าง ในปาก
- แครอท ความกรอบของมันจะช่วยให้เหงือกสะอาด ฟันแข็งแรง ช่วยกำจัดเศษอาหาร มีเส้นใยทำให้ปากสะอาด และช่วยเรียกน้ำลาย
- แครนเบอร์รี่ มีสารที่ป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเกาะติดที่ฟัน และป้องกันการก่อตัวของคราบจุลินทรีย์
- กีวี่ เป็นอาหารเพื่อความงาม วิตามินสูง ช่วยบำรุงฟัน
- ลูกเกด มีกรดโอเลียโนอิก สามารถยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียในช่องปาก โดยกรดโอเลียโนอิกที่ความเข้มข้น 31 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ช่วยป้องกันแบคทีเรีย เอส.มิวแทนส์ ต้นเหตุของฟันผุ ไม่ให้เกาะผิวฟัน และที่ความเข้มข้น 62 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ช่วยยับยั้งการเติบโตของเชื้อ พอร์ฟีโรโมนาส กิงกิแวลิส ตัวสำคัญที่ทำให้เกิดเหงือกอักเสบ
- วาซาบิ มีสารไอโซทิโอไซยาเนต ซึ่งยับยั้งการเติบโตของเชื้อ เอส.มิวแทนส์

วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

WiFi ของจริงของปลอมดูยังไง

เนื่องจากในปัจจุบันผู้คนหันมาให้ความสนใจในการสมาร์ทโฟนมากขึ้น ทำให้ยอดการใช้อินเทอร์เน็ตย่อมมีมากขึ้นตามไปด้วยไม่ว่าจะเป็น GPRS EDGE 3G และ WiFi ซึ่ง WiFi ดูท่าจะเป็นอินเทอร์เน็ตไร้สายที่มีความไวสูงที่สุด จึงเป็นทางเลือกให้ผู้ใช้ได้เลือกใช้แถม WiFi ยังมีราคาที่ถูกกว่า แต่ก็มีข้อเสียคือใช้ได้เฉพาะจุดที่มีสัญญาณ WiFi เท่านั้น ก็จะมีสัญญาณตามพวกห้างสรรพสินค้า เขตชุมชน โดยเฉพาะถ้าคุณไปในที่ไกลชุมชน และไม่ค่อยมีผู้คนมากนักอย่าหวังเลยว่าคุณจะได้ใช้มัน คุณก็จะใช้ได้แต่ 3G (แต่ช่วงนี้ก็ยังใช้ได้ไม่เต็มที่อยู่เหมือนกัน) WiFi ส่วนใหญ่ๆ จะให้บริการโดยผู้บริการโทรศัพท์เช่น DTAC จะใช้ WiFi ของ DTAC WiFi, AIS จะพ่วงบริการกับ 3BB WiFi, และ TRUE WiFi ใช้สัญญาณของ TRUE WiFi เอง เพราะเหตุนี้ทำให้เกิดผู้ไม่หวังดีแอบนำ ชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่านของเราไปใช้ โดยวิธีการคือผู้ไม่หวังดีจะตั้งชื่อสัญญาณ WiFi ให้เหมือนกับของแต่ละเครือข่าย เช่น ของ TRUE ก็จะใช้ชื่อสัญญาณว่า @TRUEWIFI เสร็จแล้วก็จะทำหน้าเว็บที่จะล็อกอินเข้าใช้อินเทอร์เน็ตให้ใกล้เคียง หรือไม่ก็ระดับเหมือนเป๊ะกับของจริงเลย แล้วผู้ใช้ก็จะใส่รหัสเข้าไปแล้วก็เข้าใช้อินเทอร์เน็ตไป ผู้ไม่หวังดีก็จะได้รหัสของเราไปใช้ได้แล้วเรามาดูวิธีสังเกตและวิธีป้องกัน กันดีกว่า

- สอบถามสัญญาณ WiFi ที่เราเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ใช้ว่าพื้นที่ของเรานั้นเป็น WiFi ของเครือข่ายนั้นๆ จริงหรือไม่
- ใช้สัญญาณในบริเวณที่มีผู้ใช้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากหากมีผู้ไว้วางใจ้ไช้บริการในพื้นที่นั้นมาก ความเสี่ยงก็จะน้อยลงไปบ้าง
- วิธีนี้ใช้ได้เลยในระดับหนึ่งถึงดีสุดคือสังเกตที่หน้าเว็บล็อกอินที่ช่อง URL ต้องเป็นสีเขียวและต้องเป็น https:// ย้ำนะครับต้องไม่ใช่แค่ http:// อย่างเดียว เพราะโดเมนที่จะเป็น https:// ได้จะต้องได้รับการยืนยันจากบริษัทที่รักษาความปลอดภัย ซึ่ง WiFi ของปลอมไม่สามารถทำได้แน่นนอน เพราะของปลอมใครเล่าจะอนุญาติให้

นี่ก็เป็นวิธีที่ใช้ป้องกัน ชื่อผู้ใช้ของเราและรหัสผ่าน ของเราแต่เราก็ต้องดูแลรักษารหัสของเราให้ดีด้วย ควรล้างข้อมูลรหัสของเราออกด้วย เพราะบราวเซอร์เดี๋ยวจะเก็บรหัสเราไว้ให้ แต่บางทีก็เป็นอันตรายเหมือนกัน จัดการให้เรียบร้อยนะครับ.


วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Password ของเราเสี่ยงหรือไม่

จากในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตมีบทบาทมากในชีวิตประจำวัน นิยมนำเข้ามาใช้อำนวยความสะดวกในการทำงานในด้านต่างๆ มากมาย แต่ทว่าสิ่งที่ตามมากับความสะดวกสบายนี้ก็คือ อาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต ที่แฝงตัวเข้ามาและแอบเข้าถึงข้อมูล ก่อให้เกิดความเสียหาย ดังนั้นการทำอะไรต่างๆผ่านอินเทอร์เน็ตจึงต้องใช้ความระมัดระวัง รหัสผ่านเช่นเดียวกันหากง่ายไปก็มีความเสี่ยงจะโดน Hack ไปได้โดยง่ายด้วย  Password จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึง

Password ที่มีความเสี่ยง และไม่แนะนำให้ไปใช้ได้แก่
- เป็นชื่อหรือนามสกุลจริงของเรา
- เป็นเลขวันเดือนปีที่เราเกิดมาเรียงต่อๆ กัน
- ใช้หมายเลขโทรศัพท์ ผมเห็นมีคนชอบใช้เบอร์เป็นรหัสผ่านเยอะมาก
- ใช้ชื่อสิ่งของ ชื่อหน่วยงาน ชื่อสัตว์เลี้ยง หรือชื่อยี่ห้อสินค้าต่างๆ
- ใช้คำต่างๆ ที่มีความหมายอยู่ในพจนานุกรม เพราะโปรแกรมแฮกรหัสผ่านจะป้อนหาคำเหล่านี้ก่อน
- ใช้ตัวเลขที่ซ้ำกัน หรือเรียงต่อกันเช่น 11111111 12345678 1212312121 เป็นต้น
- การใช้ Username มาเป็น Password ก็ไม่ดีนะครับ

เห็นได้ว่าการตั้ง Password ด้วยคำเหล่านี้เป็นคำที่ง่ายๆ และใกล้ตัวของผู้ใช้งานเอง จึงเป็นเบาะแสสำคัญให้เหล่าแฮกเกอร์เจาะหา Password ได้

ส่วนการตั้ง Password ที่แนะนำให้นำไปมีดังนี้ครับ
- มีขั้นต่ำ 7 ตัวอักษร บางที่จะกำหนดให้เราเลยว่าต้องมีขั้นต่ำกี่ตัว
- ไม่ใช้คำใดๆ ที่เสี่ยงตามหัวข้อ Password ที่เสี่ยงข้างต้น
- ไม่ใช้ Password เดิมที่เคยใช้กับระบบอื่นมาแล้ว แต่ละเว็บควรตั้งรหัสผ่านให้ไม่เหมือนกัน
- ควรประกอบไปด้วยอักขระต่างๆ ผสมกัน การผสมตัวพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่ อักษรพิเศษ และตัวเลขเข้าด้วยกัน

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เขาตั้งชื่อไวรัสกันยังไงนะ ?


ในแต่ละบริษัทผู้พัฒนา Antivirus อาจจะตั้งชื่อเรียกไม่เหมือนกัน แต่วิธีการแปลความหมายจะใช้หลักการเดียวกัน โดยจะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนได้แก่

1. Family_Names : ชื่อตระกูลไวรัสมักจะตั้งตามภาษาที่ใช้พัฒนา หรือชนิดปัญหาที่เกิดขึ้นจากไวรัส
    - Java ไวรัสที่ถูกพัฆนาด้วยภาษาจาวา
    - Linux ไวรัสที่มีผลต่อระบบปฏิบัติการลินุกซ์
    - Palm ไวรัสที่มีผลต่อระบบปฏิบัติการ Palm OS
    - Backdoor เปิดช่องทางให้ผู้บุกรุกเข้าถึงเครื่องได้
    - HILLW ไวรัสถูกคอมไพล์ด้วยภาษาระดับสูง
    - WM ไวรัสที่เป็นมาโครของโปรแกรม Word
    - XM ไวรัสที่เป็นมาโครของโปรแกรม Excel
    - I-Worm / Worm หนอนอินเทอร์เน็ต
    - Trojan / Troj ม้าโทรจัน
    - VBS ไวรัสที่ถูกพัฒนาด้วย Visual Basic Script

2. Group_Name : ชื่อของไวรัสซึ่งชื่อเดิมผู้เขียนไวรัสเป็นคนตั้ง ปกติจะแทรกอยู่ในโค้ดของไวรัส เช่น W32.Klez.h@mm และถูกเรียกย่อๆ ว่า Klez.h

3. Variant : จะบ่งบอกสายพันธุ์ของไวรัสนั้นๆ มีการปรับปรุงสายพันธ์ จนมีความสามารถต่างจากเดิมที่มีอยู่ Variant มี 2 ลักษณะคือ Major_Variant จะตามหลังชื่อไวรัส เพื่อบ่งบอกว่ามีความแตกต่างชัดเจน เช่นหนอนชื่อ VBS.LoveLetter.A จะแตกต่างจาก VBS.LoveLetter และ Minor_Variant ใช้บ่งบอกในกรณีที่แตกต่างกันนิดหน่อย อาจเป็นตัวเลขที่บอกขนาดไฟล์ของไวรัสเช่น W32.Funlove.4099 หนอนตัวนี้มีขนาด 4099 KB.

4. Tail : บ่งบอกวิธีการแพร่กระจายของไวรัส ประกอบด้วย @m หรือ @m บอกให้รู้ว่าหนอนชนิดนี้เป็น mailer ที่จะส่งตัวผ่านทางอีเมลเมื่อผู้ใช้ส่งอีเมลล์เท่านั้น และ @MM หรือ @ mm บอกให้รู้ว่าไวรัสหรือหนอนชนิดนี้เป็น mass-mailer ที่จะส่งตัวผ่านทุกอีเมลล์แอดเดรสในเมลล์บ็อกซ์.

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เปิดฝาเคสเย็นขึ้นจริงหรอ ?


เรื่องการเปิดเคสแล้วจะทำให้เย็นขึ้นเป็นเรื่องที่พูดถึงกันมานาน ตั้งแต่ที่ผู้ใช้เริ่มรู้จักการตกแต่งโมดิฟายอุปกรณ์ ซึ่งส่งผลให้ซีพียูเกิดความร้อนมากขึ้น แต่ก็ตอบไม่ได้หรอกครับว่าเปิดออกแล้วจะเย็นขึ้นหรือไม่ เนื่องจากต้องดูจากปัจจัยภายนอกคือ ถ้าหากใช้คอมพิวเตอร์ในลักษณะปกติ มีการจัดทิศทางลมให้ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ และดูดลมร้อนออกทางด้านหลังแค่นี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้วครับ
แต่สำหรับการเปิดเคสนั้น อาจจะช่วยให้อุณหภูมิลดลงได้ แต่อุณหภูมิภายนอกต้องเย็นกว่าภายในพอสมควร จึงจะทำให้การทำงานเป็นไปอย่างปกติ เพราะต้องไม่ลืมว่าทิศทางของลมได้เปลี่ยนไป แต่สิ่งควรระวังก็คือฝุ่นละอองที่จะเข้าไปในเคส ความชื้น และสัตว์จำพวกแมลงต่างๆ อาจจะเข้าไปทำอัตรายกับตัวอุปกรณ์ได้ ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ใช้งานครับ.

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Antivirus หรือ Internet security เลือกอย่างไรดี


สำหรับตัว Antivirus จะเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ป้องกันไวรัสที่เป็นอันตรายมาติดในเครื่อง สามารถป้องกันพวกม้าโทรจัน หนอนอินเทอร์เน็ต และอื่นๆ แถมเดี๋ยวนี้ก็ได้ใส่ฟังก์ชั่นการป้องกัน Spyware เสริมเข้าไปด้วย ทำให้เพียงพอต่อการใช้งานของผู้ใช้ทั่วๆ ไปที่ไม่เน้นไปที่ความปลอดภัยมาก แต่ Antivirus ก็ยังจำเป็นต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อทำการอัพเดตฐานข้อมูลไวรัสด้วยเหมือนกัน
ส่วนเจ้า Internet security เป็นตัวที่อัพเกรดความสามารถขึ้นไปจากรุ่น Antivirus โดยเพิ่มฟังก์ชั่นในการป้องกันไวรัสที่มาจากอินเทอร์เน็ตในรูปแบบอื่นๆ เช่น ไวรัสที่มาจากอีเมล อีเมลขยะ และก็มี Firewall สำหรับป้องกันแฮคเกอร์ มีระบบป้องกัน Phishing ด้วย ซึ่งควรจะมีไว้สำหรับใครที่ใช้งานอีเมลผ่าน Outlook หรือทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ต
ด้วยราคาที่ต่างกัน หลายคนคงจะเลือกไม่ถูกว่าจะเลือกแบบไหนดี ผมว่าถ้าใครใช้อินเทอร์เน็ตในการทำธุรกรรม ซื้อของทางอินเทอร์เน็ต ควรเลือกใช้ Internet security ดีกว่า แต่ถ้าใครเน้นในเรื่องของงบประมาณใช้ Antivirus ก็พอครับ เพราะฟังก์ชั่นบางอย่างเช่น Firewall ในตัววินโดวส์ก็มีมาให้ด้วย ซึ่งก็พอที่จะช่วยป้องกันได้ในระดับหนึ่ง.

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

โยนไข่ลงมาจากที่สูงยังไงไม่ให้แตก

ช่วงนี้ก็เป็นสัปดาห์วิทยาศาสตร์ซึ่งน้องๆ ประถม - มัธยม คงจะง่วนอยู่กับการทำโครงงานวิทยาศาสตร์กันแน่นอน และของผมกำลังทดลองโครงงานสุดคลาสสิกนั่นก็คือ การโยนไข่ให้ตกลงมาไม่แตกนั้นเอง หลายคนคงจะบอกได้ว่าเคยทำมาแล้ว ในวิธีการต่างๆ แต่ในบทความนี้ผมจะขอเสนอ 1 วิธีที่ผมลองแล้วได้ผลนะครับ มีดังนี้ครับ
- นำกระดาษ A4 2 แผ่นมาประกบกันแล้วทำเป็นทรงกรวย จากนั้นใช้แม็คๆ ให้เป็นกรวย
- นำกระดาษ A4 อีก 1 แผ่นมาทำเป็นกรวยแล้วแม็คเป็นกรวยเหมือนเดิม
- จากนั้นนำกรวยอันที่ 2 สวมเข้าไปในอันแรก
- นำไข่ใส่ลงไปในกรวย (เข้าไปพอดีเลยล่ะ)
- พร้อมปล่อยแล้ว แต่ว่าห้ามโยนนะครับเดี๋ยวไข่มันอาจจะหลุดออกมา
- ตกลงมาดัง แบะ ทีแรกนึกว่าแตกแต่ลองดูดีๆ นะครับ มันไม่แตก !


สรุปผลการทดลองนะครับ
สาเหตุที่ไข่ไม่แตกก็เนื่องมาจา­กรูปทรงโครงสร้างและความแข็งแรง­ของกรวยกระดาษ เพราะโยนไข่ขึ้นไปจะถูกแรงโน้มถ่วงของโลกดึงให้ตกลงมา รูปทรงของกรวยก็จะมีส่วนทำให้ไข่เคลื่อนที่ได้ช้าลง แล้วก็ตกลงมาอย่าสมดุล โดยหันทางก้นกรวยลงสู่พื้น เมื่อกระทบพื้นโครงสร้างของกรวย­กระดาษจะเสียรูปทรง ยู่ไปตามแรงกระแทก เท่ากับว่ากรวยกระดาษได้ดูดซับแ­รงกระแทกจากการชนไว้แทนนั้นเอง (หลักการลดแรงกระแทกนี้เรานำไปใ­ช้ในการออกแบบตัวถังรถยนต์ โดยเฉพาะด้านหน้า เพื่อลดแรงกระแทกในขณะที่เกิดอุ­บัติเหตุ)

นี่เป็นคลิปของรายการ I-Csi ฉลาดยกกำลัง 2 ของท่าน ดร.นิค ครับ ผมเอามาจากที่นี่แหละ.


ขโมยข้อมูลบัตรเครดิตได้แค่ถ่ายรูป


คุณรู้หรือไม่ว่าแค่คุณใช้บัตรเครดิตในการซื้อสินค้า ในร้านอาหารและอื่นๆ คุณก็มีความเสี่ยงที่จะโดนขโมยข้อมูลบัตรเครดิตไปใช้ได้ และทำให้คุณเป็นหนี้บัตรอย่างมหาศาลโดยไม่รู้ตัว วิธีการที่มิจฉาชีพใช้ก็คือ เวลาที่เราใช้บัตรเครดิตในการใช้จ่ายพนักงานก็จะเดินไปหลังร้านเพื่อรูดบัตร ถ้าโชคร้ายพนักงานคนนั้นเป็นมิจฉาชีพ เขาก็จะนำมือถือมาถ่ายรูปหน้าบัตรของเราซึ่งก็จะได้ทั้งหมายเลขบัตร วันหมดอายุบัตร ชื่อเจ้าของบัตร และถ่ายด้านหลังบัตรก็จะได้ตัวเลข 3 หลัก เพียงเท่านี้ก็ได้ข้อมูลที่สามารถนำไปซื้อของออนไลน์ทางอินเทอร์เน็ตได้ทันที เสร็จโจร ! แล้วพนักงานก็จะคืนบัตรให้เราโดยท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วคุณจะไม่รู้ตัวอะไรเลยจนกว่าจะพบใบแจ้งหนี้

มีวิธีป้องกันได้ดังนี้ครับ
- เลือกใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในร้านที่น่าเชื่อถือ และมีเครื่องรูดบัตรตั้งให้เห็นอย่างชัดเจน
- หากต้องซื้อสินค้าออนไลน์ ต้องเลือกเฉพาะเว็บที่มีระบบความปลอดภัยได้มาตราฐานเท่านั้น ซึ่งจะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ให้กรอกรหัสมากกว่าที่มีในบัตร เพื่อตรวจสอบ
- บางธนาคารมีบริการส่งข้อความแจ้งยอดทุกครั้งที่มีการใช้บัตรเครดิต ช่วยให้เรารู้ทันทีที่มีการใช้บัตรเครดิต
- ตรวจสอบใบแจ้งหนี้อย่างละเอียดทุกครั้ง หากพบความผิดปกติรีบแจ้งให้ธนาคารตรวจสอบทันทีเพื่อระงับการจ่ายเงิน ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องมานั่งปวดหัวเพราะเป็นหนี้ แต่โจรกลับได้ของฟรี หมั่นตรวจเช็คกันนะครับ.

วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ใช้แบตเตอรี่ยังไงให้ใช้ได้ยาวๆ

ชนิดของแบต การชาร์จ และอุปกรณ์นั้นเป็นส่วนหลักๆ ที่ส่งผลให้แบตเตอรี่ใช้งานได้มากน้อยต่างกัน แต่ประเด็นหลักก็คือ เมื่อได้อุปกรณ์มาแล้วเราควรจะรู้วิธีการใช้งานอุปกรณ์ที่มีอยู่ให้ประหยัดพลังงานมากที่สุด มีเทคนิคนิดๆ หน่อยๆ ดังนี้ครับ

- หน้าจอ ตัวสำคัญที่คอยดูดแบต
หน้าจอถือว่าเป็นส่วนที่กินไฟค่อนข้างมากทีเดียว เพราะต้องส่องแสงออกมาตลอดเวลา  การปรับแต่งจอภาพให้สว่างน้อยลงก็จะประหยัดพลังงานลงไป แถมยังไม่ทำให้ปวดตัวเวลามองนานๆ ด้วย แต่ถ้าอยู่ในที่ๆ มีแสงสว่างมากก็ไม่ควรปรับให้ต่ำจนต้องเพ่งนะครับ

- การเชื่อมต่อต่างๆ ปิดไว้ให้หมด
ในโน้ตบุ๊คนั้นผู้ผลิตจะใส่อุปกรณ์ต่างๆ มาให้อย่างครบครัน โดยเฉพาะอุปกรณ์เกี่ยวกับการเชื่อมต่อ ทั้งไวร์เลสส์ บลูทูธ และอื่นๆ ซึ่งเหล่านี้จะทำงานอยู่ตลอดเวลา และก็ต้องกินไฟอยู่ตลอดเวลาด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมื่อมาทำงานข้างนอกสถานที่ๆ ไม่สามารถเสียบแบตเพื่อชาร์จได้ ควรจะปิดอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นทิ้งไป เช่นพวกบลูทูธเราไม่ได้ใช้งาน ควรจะปิดไปได้เลยจะใช้อีกทีก็ค่อยเปิด ส่วนไวร์เลสส์ถ้าหากต้องเชื่อมต่ออินเทอร์ด้วยหรือเปล่าถ้าไม่ใช้ก็ปิดไว้ก่อน โน้ตบุ๊คบางรุ่นก็มีปุ่มคีย์ลัดให้ปิดพวกนี้ได้อย่างสะดวกสบายอยู่แล้ว

- ปรับรูปแบบการใช้พลังงานของตัวเครื่อง
จะเน้นไปทางการใช้งานบนวินโดวส์เป็นหลักนะครับ โดยในวินโดวส์จะโหมดพลังงานให้ 3 โหมดคือ Performance (แบบเต็มพิกัด) , Balance (ระดับกลางๆ) และ Power saver (ประหยัดพลังงาน) ซึ่งสามารถเลือกได้ตามต้องการและยังสามารถไปปรับแต่งในโหมดได้ด้วยใน Power option

- ปิดโปรแกรมที่รันอยู่
โปรแกรมที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง พวก Process ย่อยๆ ของโปรแกรมที่เราใช้ประจำ หรือ Service ต่างๆ ของวินโดวส์ที่ต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา อาจจะลองเข้าไปใน Task Manager ดูว่ามี Process อะไรทำงานอยู่บ้างและเรียกใช้ซีพียูไปเท่าไหร่ แล้วถ้าหากเป็นผู้ใช้ระดับ Admin จะสามารถดู Show Process from all user ซึ่งจะเรียกดู Process ได้ทุกตัวที่ทำงานเลย อีกวิธีคือตั้งค่า Startup ให้มีโปรแกรมที่เริ่มทำงานตอนเปิดเครื่องน้อยลง ซึ่งจะทำให้บูตเครื่องได้ไวขึ้น และมีโปรแกรมที่ทำงานเบื้องหลังน้อยลงไปด้วย ประหยัดแบตขึ้นแน่นอน สมาร์ทโฟนต่างๆ จะมีโปรแกรมบางตัวที่ทำงานตลอดเวลา และโปรแกรมที่เราเปิดค้างไว้ ก็อย่าลืมปิดโปรแกรมเหล่านี้ด้วยนะครับ

- ปรับเสียงให้พอดี
การฟังเพลงจริงๆ ไม่ได้เปลืองแบตมากนัก เพราะซีพียูไม่ได้ทำงานหนักเหมือนกับดูหนัง แต่สิ่งที่สำคัญคือระดับเสียง ยิ่งเปิดเสียงดัง หรือตัวเครื่องเล่นใช้แรงขับมากๆ ก็ยิ่งเปลืองแบตมากขึ้นไปด้วย ที่สำคัญคือเปิดฟังแต่พอดีไม่ดังมากเกินไป เพราะไม่ใช่แค่แบตจะหมดเร็ว หูของเราอาจจะหมดสภาพเร็วตามไปด้วยเช่นกันนะครับ.

วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

DIRECT X11 เกมยุคใหม่ สวย สมจริง



สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้เล่นเกมส์หรือยังไม่เข้าใจความหมายของ DirectX ต้องอธิบายง่ายๆ ว่ามันคือซอฟต์แวร์ที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่อการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ต่างๆ เช่น การ์ดจอ คีย์บอร์ด เมาส์ และอื่นๆ เข้ากับโปรแกรมหรือเกมส์ เพื่อให้ทั้ง 2 อย่างทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว ดังนั้นเกมส์ที่ออกแบบมาให้ใช้ DirectX จะสามารถเรียกกราฟฟิกการ์ดได้อย่างเต็มความสามารถ
สำหรับ DirectX ในปัจจุบันจะเน้นไปทางด้านกราฟฟิกมากที่สุด ซึ่งเรียกส่วนนี้ว่า Direct3D (สำหรับ 3 มิติ) และ DirectDraw (สำหรับ 2 มิติ) ซึ่งใน DirectX 11 ก็ได้มีการพัฒนาไปอีกขั้นกับเรื่องของกราฟฟิกเป็นหลักเช่นเดียวกัน
ใน DirectX 11 มีจุดเด่นหนึ่งที่ช่วยในเรื่องการประมวลผลภาพพื้นผิวให้มีความสมจริงมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นผิวที่มี Texture หรือแม้แต่ใบหน้าคน ฉากต่างๆ ในเกมส์เช่น กำแพง หน้าผา และอื่นๆ ซึ่งสามารถคำนวณการเปลี่ยนแปลงรูปทรงของพื้นผิวได้ด้วย แต่ก็ต้องอาศัยพลังจากกราฟฟิกการ์ดที่รองรับด้วยเช่นกัน สำหรับในตอนนี้ เกมส์ใหม่ๆ ได้ออกมารองรับ DirectX 11 กันแล้วและพวกกราฟฟิกการ์ดก็ชูจุดขายในเรื่องนี้ด้วย แต่ DirectX อันเก่าก็ยังสามารถเล่นเกมส์ใหม่ๆ นี้ได้อยู่นะครับไม่ต้องเสียใจไป แต่ภาพที่ออกมาอาจจะไม่ได้สวยสมจริง perfect สักเท่าไหร่

แต่นอกเหนือจากการมีกราฟฟิกการ์ดที่รองรับ DirectX 11 แล้วต้องอัพเดตซอฟต์แวร์ ไดร์ฟเวอร์ต่างๆ ในเครื่องด้วยนะครับ.


เลือก"หูฟัง"อย่างไรดี

หูฟัง หรือ Headphone ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากผู้ใช้ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้นไม่ว่าจะใช้ฟังเพลง ดูหนัง จึงใช้หูฟัง เนื่องด้วยความเกรงใจคนรอบข้าง ด้วยอีกประการหนึ่ง ดังนั้นในการเลือกหูฟังเราต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง มาดูกัน
- ก่อนอื่นต้องเลือกหูฟังที่สวมใส่แล้วสะดวกสบายก่อน เนื่องจากหากใช้งานเป็นประจำ และเป็นเวลานานๆ การเลือกหูฟังที่ใส่สบายไว้ก่อนจำเป็นมาก ส่วนใครจะชอบแบบ in-ear หรือแบบครอบหูก็แล้วแต่ตามชอบเลยครับ แต่ไม่ควรให้บีบมากเกินไป ต้องลองใช้งานดูก่อนจะตัดสินใจซื้อ
- รูปแบบการใช้งานเป็นอีกอย่างที่ต้องพิจารณา ถ้าหากใช้กับโทรศัพท์ หรือเครื่องเล่น MP3 และอื่นๆ ก็ต้องดูว่ามีช่องเสียบหูฟังที่เข้ากันได้หรือไม่ ถ้าต้องพกพาไปไหนด้วย อาจจะเลือกที่มีน้ำหนักเบา ขนาดเล็ก และเก็บสะดวก
- เรื่องของคุณภาพเสียง ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญในการเลือกหูฟัง แต่ในเรื่องคุณภาพของเสียงนั้นตัดสินใจยากอยู่พอสมควร เพราะขึ้นอยู่กับรสนิยม และประเภทของเสียง เช่นบางคนชอบฟังเพลงแนวร็อค อาจจะใช้หูฟังเบสหนัก แต่ถ้าชอบแจส อาจจะเลือกแบบที่เสียงแหลม ใสๆ จึงไม่มีอะไรที่ตายตัวในการเลือก
- การเลือกขนาดของหูฟังก็สำคัญ หากหูฟังมีขนาดใหญ่ ก็ต้องใช้กำลังขับที่มากขึ้นไปด้วย หากเครื่องเล่นของเรามีกำลังขับไม่พอก็อาจจะเป็นปัญหาเพราะไม่สามารถฟังได้เต็มกำลังเสียง หรือเสียงอาจจะเบาไปมาก

สุดท้ายการเลือกซื้อไม่ว่าจะแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งาน และงบประมาณของเราเองครับ

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ดูค่าเงินไทยเป็นเงินต่างประเทศง่ายนิดเดียว

หลายคนคงจะชอบซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ตหรือทางอื่นๆ ที่ต้องใช้สกุลเงินอื่น เช่น เงินดอลลาร์ แต่เราจะรู้อัตราแลกเปลี่ยนได้อย่างไร ไปลองหาดูก็งงกับราคาซื้อ-ขายอีก แต่ตอนนี้มีวิธีง่ายๆ แค่ใช้ Google ครับ
- ขั้นแรกไปที่หน้า Google.com
- ตอนนี้ผมจะแปลงค่าเงิน 0.69 ดอลลาร์ เป็นค่าเงินไทย ก็ให้พิมพ์ใน Google ว่า 0.69 usd in thb ซึ่ง usd คือชื่อสกุลเงินของดอลลาร์ และ thb คือของไทย เสร็จแล้วกดค้นหาเลยครับ

- จากนั้นผลการค้นหาแรกก็จะเป็นผลลัพธ์ของเรา

ก็ลองเปลี่ยนค่าเงินตามต้องการเลยนะครับ ส่วนถ้าเป็นสกุลเงินอื่นก็ต้องหาชื่อสกุลเงินมาใส่แทนนะครับมีให้คร่าวๆ ครับ
ไทย = THB
สหรัฐ = USD
ญี่ปุ่น = JPY
ฮ่องกง = HKD
ยุโรป = EUR